1850 จำนวนผู้เข้าชม |
การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างร่างกาย อารมณ์ และจิตของคนเรานั้น มีการศึกษากันมานานมากและมีผู้ศึกษากันเป็นจำนวนมาก ทั้งในโลกตะวันตกและตามวิถีแห่งตะวันออก
จริงๆ แล้ว ในทางพุทธศาสนา... ร่างกาย อารมณ์ และจิต เป็นขันธ์คนละขันธ์ ต่างคนต่างทำหน้าที่ตามเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้น แต่ก็เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก โดยเฉพาะในคนที่ไม่ได้ฝึกจิตหรือสมาธิ...แต่สำหรับคนที่ผ่านการฝึกฝนเพียงพอ ก็จะเห็นความเชื่อมโยงของกาย อารมณ์ และจิต (รวมถึงอีก 2 ขันธ์) ได้ชัดเจน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ภาษาพระอธิบายในวงจรที่เรียกว่า ‘ปฏิจจสมุปบาท’ นั่นเอง
แต่ศาสตร์ที่ฝรั่งศึกษาอาจไม่ลงไปลึกขนาดการเข้าใจความสัมพันธ์ของกาย อารมณ์ และจิต เพื่อการละวางเหมือนในเชิงพุทธศาสนาขนาดนั้น... หลายศาสตร์จะมุ่งเน้นไปที่การเข้าใจพลังงาน การปรับพลังงานที่ไม่สมดุลในกายเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบต่อกายในส่วนต่างๆ หรือในระบบต่างๆ (เช่น การเจ็บป่วยหรือเจ็บปวดเรื้อรัง) และอารมณ์ (เช่น การมีอารมณ์แปรปรวนหรืออารมณ์ด้านลบแบบควบคุมไม่ได้) เสียมากกว่า
ศาสตร์ที่โค้ชจะพูดถึงวันนี้ คือ ศาสตร์ The Body Code (TBC) ซึ่งเป็นหนึ่งในศาสตร์เชิงพลังงานที่โค้ชใช้อยู่เสมอค่ะ...ศาสตร์นี้คิดค้นโดย Dr.Bradley Nelson
โดยหากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ศาสตร์ The Body Code นี้เป็นศาสตร์ที่เอาไว้ใช้ปรับระบบพลังงานของร่างกายให้สมดุลผ่านการให้คำตอบจากจิตเหนือสำนึกของผู้เข้ารับการปรับพลังงาน...ศาสตร์นี้เชื่อว่าทุกสรรพสิ่งคือพลังงาน และร่างกายเราก็เป็นรูปแบบหนึ่งของพลังงานเช่นกัน...การขาดความสมดุลเชิงพลังงานในร่างกาย ส่งผลทำให้เกิดโรคทางกาย (เช่น อาการเจ็บป่วย อาการเจ็บปวด โดยเฉพาะที่ปวดมาเป็นเวลานานและหาสาเหตุไม่ได้ (Chronic Pain)) และความไม่มั่นคงของสภาพจิตใจ และมีผลกระทบกับข้อจำกัด (Limited Decision) หรือระบบความเชื่อผิดๆ ต่างๆ (Belief System) ที่เกิดขึ้นในชีวิต เป็นต้น...ซึ่งส่วนหนึ่ง (ซึ่งส่วนใหญ่) จะเกิดจากพลังงานลบที่ “ติดกับ” อยู่ในร่างกายของเราจากเหตุการณ์สะเทือนใจในชีวิตเราที่ผ่านมา...การไม่สมดุลของพลังงานนี้ อาจจะมีเหตุจากชาตินี้หรือชาติก่อนๆ หรือแม้จะกระทั่งพลังงานถูกส่งผ่านมาจากบรรพบุรุษของเรา เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ของผู้เข้ารับการปรับพลังงานก็เป็นได้...
ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจกันนะคะว่า ความเชื่อเรื่องภพชาตินั้น ไม่ได้จำกัดอยู่ในแนวคิดของไทย ของเอเชีย หรือของพุทธศาสนาเท่านั้นตามที่พวกเราส่วนใหญ่คิดกัน แต่จริงๆ แล้ว ศาสตร์พลังงานของตะวันตกแทบทุกแขนง จะกล่าวถึงเรื่องความเชื่อมโยงของเหตุจากภพชาติเดิมๆ กับผลในชาติปัจจุบันแทบทั้งสิ้น
เรื่องแบบนี้ฟังแล้วเหมือนนิยายมากกว่าเรื่องจริง...โค้ชขอยกตัวอย่างกรณีนึง คือ มีลูกค้าจากประเทศคาซัคสถาน อายุประมาณ 45 ปี มีปัญหาปวดเข่าซ้ายมาเป็นเวลา 4 ปี ซึ่งตัวเองก็เข้าใจว่าอาจเกิดจากอายุมากขึ้น หรืออากาศหนาวจัดในคาซัคสถาน ซึ่งเจ้าตัวก็ไปหาหมอมาแล้วหลายคน ทำกายภาพบำบัดมาแล้วหลายหมอแต่ก็ไม่หาย จึงได้ขอให้โค้ชลองปรับพลังงานด้วยศาสตร์ The Body Code ให้ ... ก่อนการปรับพลังงาน คุณคนนี้บอกว่ามีความเจ็บปวดระดับ 9 (จาก 10 ระดับ) เมื่อโค้ชลองตรวจเช็คดูตามแนวทาง The Body Code แล้วปรากฏว่า มีเหตุการณ์ที่มีผลกระทบเชิงพลังงานเกี่ยวข้องมากมายที่นำมาสู่การเจ็บเข่านั้น เช่น ความรู้สึกเศร้า ตื่นตระหนก และอีกมากมายในช่วงวัยต่างๆ ในชาตินี้ การรับความรู้สึกหดหู่ของคุณแม่ระหว่างการตั้งครรภ์ การไม่สมดุลของการเดินของพลังงานของเส้น Meridian ในร่างกาย 3-4 จุด การไม่สมดุลเชิงพลังงานของต่อมและกล้ามเนื้อ และประเด็นอื่นๆ อีกพอประมาณที่โค้ชไม่ขอลงรายละเอียดเพราะยาวพอสมควร
อ่านสาเหตุแล้วอาจดูเหมือนเกินจะจินตนาการว่าเหตุเหล่านี้มาเกี่ยวกับอาการปวดเข่าได้อย่างไร แต่เมื่อโค้ชได้ลองหาสาเหตุและปรับพลังงานให้ในครั้งแรก ความเจ็บปวดลดลงจากระดับ 9 เหลือระดับ 2 และเมื่อทำอีกครั้งอีก 3-4 วันถัดมา ความเจ็บปวดที่เหลือระดับ 2 กลับหายไป... และจนวันนี้หลังจากทำ Body Code มาให้แล้วกว่า 1 ปี ลูกค้าท่านนี้ก็ไม่มีอาการปวดเข่าอีกเลย
โค้ชไม่ได้อวดอ้างว่าโค้ชหรือศาสตร์นี้วิเศษกว่าคุณหมอแผนปัจจุบันนะคะ ...ในมากมายหลายกรณีเราก็ยังต้องการคุณหมอแผนปัจจุบันในการดูแลเราอยู่เช่นกัน....แต่อยากจะชี้ให้เห็นว่ายังมีศาสตร์เชิงพลังงานอีกมากมายที่สามารถปรับสมดุลพลังงานได้คล้ายๆกันกับศาสตร์นี้ ซึ่งหลายศาสตร์นั้นโค้ชก็มีการนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันอยู่ตามความจำเป็นในแต่ละกรณี.... แต่อยากจะบอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกาย อารมณ์และจิตของเรานั้น มีความลึกซึ้งและมีความเป็นเหตุเป็นผลต่อกันและกันเกินกว่าที่ตรรกะของสมองเราจะเข้าใจได้
ดังนั้น การรู้จักมองโลกในแง่บวก และปรับอารมณ์ของเราให้มองสิ่งต่าง ๆ ในแง่ดีและตามความเป็นจริง กลับเข้าไปเชื่อมและเข้าใจตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ การเริ่มดูแลตัวเองให้เป็นในเชิงร่างกายและพลังงาน หรือแม้แต่การสร้างทักษะในการใช้ชีวิต เป็นสิ่งสำคัญมากต่อพลังงานในตัวเราโดยรวม และยังมีผลอย่างมากต่อสุขภาพของเราในชาตินี้ (และแม้กระทั่งชาติต่อๆ ไป)
แน่นอนว่า หากคุณผู้อ่านจะสามารถฝึกตนจนเข้าใจถึงความเชื่อมโยงแห่งกาย-อารมณ์-จิต จนกระทั่งจิตเห็นจิตแจ่มแจ้ง และสามารถหลุดพ้นวัฏฏะได้ตามแนวทางแห่งพุทธศาสนาย่อมเป็นสิ่งประเสริฐที่สุด...แต่หากยังไม่ไปถึงขั้นนั้น การรู้จักปรับพลังงาน การปรับวิธีคิดและมองโลกในแง่บวก การเข้าใจวิธีการบริหารจัดการอารมณ์ตัวเองอย่างถูกวิธี การส่งพลังงานที่ดีๆไปยังคนรอบข้างก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ และควรปฏิบัติกันอย่างสม่ำเสมอค่ะ
โค้ชนุ่น (ดร.เมธยา ป้อมสุวรรณ)
Living Wise Coaching and Training Center
Email : methayasp@gmail.com
Line ID : noonmethaya
Repost จาก Facebook : 9 กันยายน 2020